Butt-Fusion เป็นวิธีการเชื่อมต่อท่อโพลีเอทิลีน (HDPE) หรืออุปกรณ์เข้าด้วยกัน โดยปลายทั้งสองจะถูกทำให้ร้อนด้วยอุณหภูมิและแรงดันที่คงที่ ก่อนนำมาเชื่อมติดกัน ทำให้ท่อหรืออุปกรณ์เชื่อมติดเป็นเนื้อเดียวกัน การเชื่อมท่อแบบ Butt-Fusion นิยมใช้ในการเชื่อมท่อส่งก๊าซและระบบจ่ายน้ำเนื่องจากมีการขนส่งของเหลวที่มีการไหลด้วยแรงดันสูงหรือปริมาณมาก การเชื่อมท่อแบบ Butt-Fusion ถือเป็นวิธีการเชื่อมต่อท่อโพลีเอทิลีน (HDPE) ที่นิยมใช้มากที่สุด

กระบวนการเชื่อมท่อแบบ Butt-Fusion ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้

1. การเตรียมปลายท่อ: ตัดท่อให้ได้ความยาวที่ต้องการและลบมุมหรือทำความสะอาดปลายท่อทั้งสองข้างโดยใช้ทริมเมอร์ (Trimmer) โดยปลายท่อที่จะเชื่อมจะต้องสะอาดและไม่มีเศษฝุ่นหรือความเสียหายใดๆ เพื่อให้เกิดการเชื่อมแบบสมบูรณ์
2. การจัดแนวท่อ: ใช้แคลมป์รัดปรับแนวท่อที่จะเชื่อมเพื่อปรับแนวศูนย์ท่อให้ได้แนวเดียวกันและตรวจสอบความเหลื่อมของท่อให้อยู่ในระดับ
3. ประกอบแผ่นฮีตเตอร์เข้าหาปลายท่อ: ปลายท่อจะถูกให้ความร้อนโดยใช้แผ่นฮีตเตอร์หรือจานความร้อน โดยต้องควบคุมอุณหภูมิอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าปลายท่อได้รับความร้อนในระดับที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดการหลอมแบบสมบูรณ์
4. เชื่อมประสานท่อ: หลังจากปลายท่อได้รับความร้อนจากฮีตเตอร์ในอุณหภูมิที่เหมาะสมแล้วให้นำแผ่นฮีตเตอร์ออกแล้วนำปลายท่อทั้งสองฝั่งมาสัมผัสกัน โดยใช้แรงดันแบบคงที่ เพื่อให้เกิดการเชื่อมแบบสมบูรณ์
5. ทดสอบรอยเชื่อม: กระบวนการทดสอบรอยเชื่อมแบ่งเป็น การทดสอบแบบทำลาย และการทดสอบแบบไม่ทำลาย โดยการทดสอบแบบทำลาย จะทำการทดสอบแรงดึง (Tensile) และ แรงดัด (Bending) เพื่อทดสอบความแข็งแรงของแนวเชื่อม ในส่วนการทดสอบแบบไม่ทำลายจะเป็นการทดสอบด้วยสายตา (Visual) โดยตรวจสอบตะเข็บรอยเชื่อมมีขนาดเท่าๆกันทั้งสองฝั่ง และ ผิวแนวท่อไม่พองหรือมันเงาจนเกินไป

สิ่งสำคัญที่ต้องพูดถึงคือ กระบวนการเชื่อมท่อ ควรดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมและได้รับการรับรอง และมีประสบการณ์ในการเลือกใช้อุปกรณ์และมีเทคนิคที่เหมาะสมเพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ

Butt-Fusion เป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการต่อท่อโพลีเอทิลีน และมีข้อดีหลายประการ ได้แก่

1. แข็งแรงและเชื่อถือได้: การเชื่อมแบบ Butt-Fusion จะทำให้เนื้อท่อหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้มีความแข็งแรงและทนทานต่อการรั่วไหล การเชื่อมแบบ Butt-Fusion เป็นวิธีการที่ควรใช้สำหรับการเชื่อมท่อที่มีแรงดันสูงและมีอัตราการไหลสูง
2. ไม่ต้องใช้วัสดุเพิ่มเติม: ไม่เหมือนกับวิธีการต่อท่อแบบอื่น การเชื่อมแบบ Butt-Fusionไม่จำเป็นต้องใช้วัสดุเพิ่มเติม เช่น กาวหรือข้อต่อเชิงกล
3. ใช้งานง่าย: อุปกรณ์ Butt-Fusion ค่อนข้างใช้งานง่ายและควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมมาแล้ว
4. ประหยัดค่าใช้จ่าย: การเชื่อมแบบ Butt-Fusion เป็นวิธีที่ประหยัดต้นทุนในการต่อท่อ เนื่องจากไม่ต้องใช้วัสดุเพิ่มเติมหรืออุปกรณ์พิเศษในการยึดท่อเข้าด้วยกัน

อย่างไรก็ตาม Butt-Fusion มีข้อเสียเช่นกัน ได้แก่

1. ต้องใช้เครื่งมือพิเศษ: แม้ว่าเครื่งมือที่ใช้สำหรับการเชื่อมแบบ Butt-Fusion จะค่อนข้างใช้งานง่าย แต่การซื้ออาจมีราคาสูง จึงนิยมเช่าใช้มากกว่า
2. ต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรม: การเชื่อมแบบ Butt-Fusion ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมและได้รับการรับรองเท่านั้น เพื่อรับประกันคุณภาพของท่อและรอยเชื่อม